mySugr Glucose Insights

การวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr

เกี่ยวกับ CGM 

 

CGM และการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด (BGM) แตกต่างกันอย่างไร

ทั้งการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด (BGM) และ CGM จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับระดับกลูโคส

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างทั้สองอย่างนี้คือ:

ความถี่ของการวัด ความถี่ในการรับค่ากลูโคสจะแตกต่างกันเมื่อใช้การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด (BGM) เทียบกับ CGM เมื่อมีการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานอาจทดสอบระดับน้ำตาลในเลือดหลายครั้งต่อวัน โดยปกติก่อนมื้ออาหารและก่อนเข้านอน ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของโรคเบาหวานและยา เมื่อใช้ CGM จะมีการวัดอระดับกลูโคสอย่างต่อเนื่อง ค่ากลูโคสที่วัดจากเซนเซอร์วัดในผิวหนังจะถูกส่งทุกๆ 5 นาที และนำมารวมกันเพื่อสร้างส่วนโค้งแสดงกลูโคส โดยจะแสดงภาพรวมของระดับกลูโคสในช่วงระยะเวลาที่ผู้ป่วยกำลังสวมใส่เซนเซอร์วัด

การวัดระดับกลูโคสในเลือดเทียบกับสารเหลวระหว่างเซลล์ การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด (BGM) และ CGM ยังแตกต่างกันในแง่ของวิธีการวัดค่ากลูโคสด้วยเช่นกัน การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดจะวัดกลูโคสในเลือดฝอยที่ดึงจากปลายนิ้ว (หรือบางครั้งจากส่วนอื่น เช่น ฝ่ามือ) ในทางตรงกันข้ามเซนเซอร์วัดของโซลูชัน CGM จะถูกติดไว้ที่ผิวหนัง โดยเฉพาะในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (เนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหนัง) โดยจะวัดระดับกลูโคสในของเหลวระหว่างเซลล์ (สารเหลวระหว่างเซลล์) บริเวณนั้น

ความแตกต่างในตำแหน่งที่วัด (เลือดเทียบกับเนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหนัง) เป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ค่าการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดและค่า CGM ไม่ตรงกันในจุดเวลาใดก็ตาม การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดจะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของความเข้มข้นของกลูโคสได้เร็วกว่าการตรวจวัดระดับกลูโคสอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระดับกลูโคสในสารเหลวระหว่างเซลล์ต้องใช้เวลานานกว่าจึงจะแสดงให้เห็น

 

 

เกี่ยวกับอุปกรณ์ Accu-Chek® SmartGuide

 

 

เซนเซอร์วัดทำงานอย่างไร

เซนเซอร์วัด CGM จะวัดค่ากลูโคสในเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง แต่ละเซนเซอร์วัดจะมีระยะเวลาสวมใส่นานถึง 14 วัน และต้องมีการปรับเทียบเบื้องต้นโดยใช้เครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือด

เซนเซอร์วัดจะส่งค่า CGM ไปยังคุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr ผ่านทาง Bluetooth® Low Energy ทุกๆ 5 นาที การวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr จะแสดงค่ากลูโคสและข้อมูลทางสถิติที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเบาหวาน

 

เหตุใดอายุการเก็บรักษาของเซนเซอร์วัดจึงสั้นมาก

เหตุผลที่เซนเซอร์วัดมีอายุการเก็บรักษาสั้นในช่วงแรกไม่ใช่เพราะปัญหาด้านคุณภาพ แต่เป็นเพราะต้องสร้างข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้มั่นใจว่าเซนเซอร์วัดจะมีอายุการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในการใช้งานอย่างเต็มที่

 

ฉันสามารถอาบน้ำหรือแช่น้ำโดยมีเซนเซอร์วัดอยู่บนแขนได้หรือไม่

ใช่ เซนเซอร์วัดได้รับการปกป้องจากผลกระทบของการแช่ในน้ำชั่วคราวที่ความลึก 1 ม. (3.28 ฟุต) นานสูงสุด 60 นาที (โดยมีระดับ IP28W [ระดับการป้องกันน้ำเเละฝุ่นหรือระดับการป้องกันสากล 28 ซึ่งมีผลต่อนิ้วมือ / วัตถุของแข็งที่คล้ายคลึงกัน ตลอดจนการแช่ในน้ำที่ความลึกสูงสุด 1 ม. / 3.28 ฟุต])

อย่างไรก็ตาม แผ่นกาวอาจหลุดออกได้ง่ายขึ้นในน้ำ ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ใช้เทปกันน้ำเพิ่มเติมเมื่อไปว่ายน้ำ

 

สามารถสวมเซ็นเซอร์วัดในระหว่างการเอกซเรย์ การสแกน CT หรือ MRI ได้หรือไม่

ไม่ ต้องถอดเซนเซอร์วัดออกก่อนเข้าพื้นที่การรักษาพยาบาลที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ไฟฟ้ากำลังสูง ตัวอย่างเช่น MRI, CT, เอกซเรย์, การฉายรังสีรักษา หรือไดะเธอร์มีย์

 

ควรจัดเก็บเซนเซอร์วัดอย่างไร

ควรจัดเก็บเซนเซอร์วัดไว้ที่อุณหภูมิระหว่าง 2 ถึง 27 °C
 

เซนเซอร์วัดทำงานได้ในความสูงถึงระดับใดโดยไม่มีข้อผิดพลาด

หากวางแผนที่จะใช้เวลาอยู่บนที่สูง ท่านควรทราบว่าเซนเซอร์วัดรับประกันว่าจะทำงานได้ในระดับความสูง 3,000 ม. (9,842 ฟุต) เท่านั้น ท่านควรชี้แจงระดับความสูงที่อนุญาตให้วัดได้สำหรับเครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดที่ท่านนำติดตัวไปด้วย


เซนเซอร์วัดทำงานในช่วงอุณหภูมิใด

สภาพแวดล้อมการใช้งานของเซนเซอร์วัดมีดังนี้:

ช่วงอุณหภูมิ 10–40 °C (เวลาในการเตรียมการเซนเซอร์วัดตั้งแต่ 2–10 °C ไม่เกิน 17 นาที)

ช่วงความชื้น 15–90 % (ไม่ควบแน่นเป็นหยดน้ำ แรงดันบางส่วนของไอน้ำต้องน้อยกว่า 50 เฮกโตปาสกาล)

 

มีปัจจัยด้านสุขภาพใดๆ ที่สามารถส่งผลต่อการอ่านค่าจากเซนเซอร์วัดหรือไม่ ตัวอย่างเช่น ภาวะขาดน้ำ อาการไข้ และอาการแพ้ (ที่บริเวณนั้นหรือทั่วร่างกาย) ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับโภชนาการ เช่น การรับประทานอาหารคีโตแบบสุดโต่ง

ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพดังเช่นที่กล่าวมา อาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการจัดการเบาหวานโดยทั่วไป ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องเกิดจากการใช้โซลูชัน CGM เฉพาะ ในกรณีที่มีข้อสงสัย โดยทั่วไปแนะนำให้ดำเนินการวัดค่ากลูโคสเพิ่มเติม

 

เซนเซอร์วัดมีขนาดเท่าใด

เซนเซอร์วัด / แผ่นติดส่งสัญญาณที่อยู่เหนือผิวหนังมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 33.3 มม. (1.31 นิ้ว) โดยไม่มีแผ่นกาว 

เข็มเซนเซอร์วัดที่อยู่ใต้ผิวหนังมีความยาวประมาณ 8.5 มม. (0.33 นิ้ว)

 

เซนเซอร์วัดควรติดที่ส่วนไหนของร่างกาย

ควรติดเซนเซอร์วัดกับด้านหลังต้นแขนเท่านั้น โปรดดูเอกสารกำกับเพื่อดูภาพตำแหน่งที่ติดที่ถูกต้อง

 

สามารถสอดเซนเซอร์วัดไว้บนรอยสักที่ผิวหนังได้หรือไม่

เราแนะนำอย่างยิ่งให้เลือกบริเวณผิวหนังที่ไม่มีรอยสักสำหรับการสอดเซนเซอร์วัด ทั้งนี้ไม่มีประสบการณ์หรือข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ Accu-Chek® SmartGuide บนผิวหนังที่มีรอยสัก ดังนั้นเราจึงไม่สามารถยืนยันประสิทธิภาพหรือความปลอดภัยในบริเวณดังกล่าวได้

 

เวลาเตรียมการเซนเซอร์วัดคือเท่าไร และระยะเวลาดังกล่าวใช้เวลานานเท่าใด

เมื่อเซนเซอร์วัดเข้าสู่ร่างกายครั้งแรก เซนเซอร์วัดจะอุ่นขึ้นและเต็มไปด้วยสารเหลวระหว่างเซลล์ โดยไม่สามารถส่งข้อมูลกลูโคสใดๆ ที่เชื่อถือได้ จนกว่าระยะนี้จะเสร็จสมบูรณ์ ระยะเวลานี้เรียกว่าเวลาเตรียมการและจะใช้เวลาประมาณ 60 นาที หลังจากนั้น เซนเซอร์วัดจะให้ค่า CGM ทุกๆ 5 นาที

 

แอปจะแจ้งเตือนผู้สวมใส่ก่อนที่เซนเซอร์วัดจะหมดอายุนานเท่าใด

เซนเซอร์วัดจะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติ และหยุดส่งข้อมูลหลังจากระยะเวลาสวมใส่ 14 วัน ทั้งนี้ มีโอกาสที่จะได้รับการแจ้งเตือนการหมดอายุของเซนเซอร์วัด 48, 25 และ 2 ชั่วโมงก่อนที่เซนเซอร์วัดจะหมดอายุ คุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr จะแจ้งให้ผู้สวมใส่ทราบว่าเซนเซอร์วัดจะหมดอายุในเร็วๆ นี้ และควรติดเซนเซอร์วัดใหม่

 

ตัวอย่างเช่น หากผู้ที่เป็นโรคเบาหวานติดเซนเซอร์วัดตอนเที่ยง จะได้รับสัญญาณเตือนตอนเที่ยงคืนหรือไม่

การแจ้งเตือนจะเกิดขึ้นหลังจาก 12 ชั่วโมง โดยไม่ขึ้นกับเวลาของวัน อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้ปิดสัญญาณเตือน ผู้ใช้จะไม่ถูกรบกวนในระหว่างการนอนหลับ

 

ผู้ใช้ควรให้ยาอินซูลินอย่างไรในขณะที่รอการปรับเทียบเซนเซอร์วัด

หากต้องการลดการทดสอบน้ำตาลในเลือดให้เหลือน้อยที่สุด เราขอแนะนำให้สอดเซนเซอร์วัดในตอนเย็นเพื่อให้สามารถปรับเทียบได้ในตอนเช้า เนื่องจากไม่จำเป็นต้องให้ยาอินซูลินในเวลากลางคืน (และสัญญาณเตือนยังคงทำงานอยู่ในโหมดแนวโน้ม)

 

อุปกรณ์ Accu-Chek® SmartGuide มีให้ใช้งานสำหรับเด็กหรือไม่

ในขณะนี้ อุปกรณ์ Accu-Chek® SmartGuide จะไม่มีการอ้างสิทธิ์ในเด็ก และจะมีให้ใช้เฉพาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานซึ่งมีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น 

เราเห็นความสำคัญของอุปกรณ์ Accu-Chek® SmartGuide device ที่มีให้ใช้กับเด็กที่เป็นโรคเบาหวาน อย่างไรก็ตาม เราไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับไทม์ไลน์สำหรับกิจกรรมการพัฒนา เราจะอัปเดตให้ท่านทราบเมื่อเรามีข้อมูลเพิ่มเติม

 

สามารถจับคู่เซนเซอร์วัดอีกครั้งได้หรือไม่ ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานทำโทรศัพท์สูญหาย

หากท่านทำโทรศัพท์สูญหายหรือพังและต้องเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องใหม่ ท่านต้องดาวน์โหลดแอป mySugr บนโทรศัพท์เครื่องใหม่ และเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีที่มีอยู่ของตนเอง การตั้งค่า (เช่น ช่วงค่าเป้าหมาย หน่วย ฯลฯ) และข้อมูลสูงสุด 6 เดือนจะได้รับการกู้คืนจากบัญชีที่มีอยู่ของท่านไปยังโทรศัพท์เครื่องใหม่ จากนั้น ท่านสามารถจับคู่เซนเซอร์วัดใหม่หรือจับคู่เซนเซอร์วัดปัจจุบันที่ยังมีเวลาเหลืออยู่อีกครั้ง

 

ฉันจะถอดเซนเซอร์วัดได้อย่างไร

1. เริ่มลอกแผ่นกาวบนเซนเซอร์วัดด้านเรียบออก

2. ตรวจสอบด้านหลังของเซนเซอร์วัด: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้นำส่วนตรวจจับของเซนเซอร์วัดออกจากบริเวณที่สอดเซนเซอร์วัดทั้งหมดแล้วหลังจากนำเซนเซอร์วัดออก ตรวจสอบตำแหน่งที่ติดโดยใช้นิ้วจับหรือตรวจด้วยตาเปล่า หากยังมีส่วนตรวจจับของเซนเซอร์วัดติดค้างอยู่ที่ผิวหนังของท่านหรือรู้สึกผิดปกติที่ตำแหน่งที่ติด (ตัวอย่างเช่น ปวด บวม หรือแดง) ให้ติดต่อบุคลากรทางการแพทย์ของท่าน

 

ฉันสามารถใช้เซนเซอร์วัดในเวลาเดินทางได้หรือไม่

ใช่ เซนเซอร์วัดสามารถใช้งานได้ระหว่างเดินทาง ท่านควรจดจำไว้ว่าจะต้องบรรจุสายชาร์จและ / หรือพาวเวอร์แบงค์ไปด้วยเพื่อให้แน่ใจว่าสมาร์ทโฟนของตนเองมีพลังงานอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างการเดินทางไกล ท่านควรนำเครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดไปด้วยเพื่อการปรับเทียบและไว้สำรอง

หากเปิดโหมดเครื่องบินไว้ ระบบอาจปิด Bluetooth® บนอุปกรณ์เคลื่อนที่โดยอัตโนมัติ ซึ่งทำให้คุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr ไม่สามารถสื่อสารกับเซนเซอร์วัดของท่านได้ ทั้งอุปกรณ์ iOS และ Android จะจดจำสถานะของ Bluetooth® ไว้ว่าเปิดหรือปิดขณะที่อยู่ในโหมดเครื่องบิน และจะกลับเข้าสู่สถานะเดิมเมื่อท่านเปิดโหมดเครื่องบินในครั้งถัดไป หากเปิดโหมดเครื่องบินไว้ ระบบมักจะแสดงสัญลักษณ์นี้ไว้ในแถบสถานะ

  • หากปิด Bluetooth® ไว้เมื่ออยู่ในโหมดเครื่องบิน ให้เปิด Bluetooth® อีกครั้ง หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีดำเนินการ โปรดดูคู่มือการใช้งานของอุปกรณ์เคลื่อนที่ของท่าน

 

ฉันกำลังฟอกไตอยู่ ฉันสามารถใช้อุปกรณ์ Accu-Chek® SmartGuide ได้หรือไม่

ไม่ อุปกรณ์นี้ไม่ควรใช้กับผู้ป่วยที่ฟอกไต


 

เกี่ยวกับการวิเคราะห์จาก mySugr

 

 

ใครสามารถใช้คุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr ได้บ้าง

คุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้กลุ่มต่างๆ ดังนี้

•ผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป ผู้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน

 •ผู้ที่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์รายอื่นๆ 

•ผู้ป่วยที่มีสมรรถภาพทางกายและทางจิตใจพร้อมสำหรับจัดการการบำบัดโรคเบาหวานได้ 

•ผู้ที่สามารถใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ใช้งานร่วมกันได้อย่างเชี่ยวชาญ 

•ผู้ที่สามารถอ่านข้อมูลในหน้าจอบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ใช้งานร่วมกันได้ 

 

พื้นที่จัดเก็บคืออะไร
แอป mySugr จะบันทึกเซสชัน CGM และข้อมูลสมุดบันทึก mySugr ตราบเท่าที่อุปกรณ์เคลื่อนที่ของท่านมีพื้นที่จัดเก็บเพียงพอ ข้อมูลที่แอป mySugr จัดเก็บไว้ในอุปกรณ์เคลื่อนที่ของท่านจะถูกเข้ารหัส

 

แชร์ข้อมูลอะไรบ้าง
คุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr จะแลกเปลี่ยนข้อมูลต่อไปนี้กับแพลตฟอร์ม Accu-Chek® Care

  • ข้อมูล CGM
  • ข้อมูลสมุดบันทึก mySugr
  • ข้อความแจ้งข้อผิดพลาด
  • ข้อความการบำรุงรักษา
  • คำเตือน
  • การตั้งค่าผู้ใช้ (เช่น ช่วงค่าเป้าหมาย)

คุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr จะกู้คืนข้อมูลย้อนหลัง 6 เดือนจากบัญชีของท่านเมื่อเข้าสู่ระบบ
อย่าใช้ข้อมูลที่กู้คืนในการตัดสินใจด้านการบำบัด เช่น ปริมาณการใช้อินซูลิน โปรดใช้เฉพาะข้อมูลปัจจุบันจากเซนเซอร์วัดที่เชื่อมต่อแล้วเท่านั้นในการตัดสินใจด้านการบำบัด เช่น ปริมาณการใช้อินซูลิน

 

เหตุใดคุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr จึงไม่แสดงค่า CGM ของฉัน
อาจเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้

  • อาจปิด Bluetooth® อยู่: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เปิดใช้งาน Bluetooth® บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของท่านแล้ว
  • เซนเซอร์วัดอาจอยู่นอกระยะสัญญาณ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเซนเซอร์วัดกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ของท่านอยู่ห่างกันไม่เกิน 6 เมตร (20 ฟุต) (โดยไม่มีสิ่งกีดขวางระหว่างกัน)
  • เซนเซอร์วัดอาจยังอยู่ในช่วงเตรียมการ: รอจนกว่าจะสิ้นสุดช่วงเวลาเตรียมการ
  • เซนเซอร์วัดอาจร้อนเกินไป: ย้ายไปยังสถานที่ที่เย็นขึ้น หรือบังแดดให้กับเซนเซอร์วัด
  • เซนเซอร์วัดอาจเย็นเกินไป: ย้ายไปยังสถานที่ที่อุ่นขึ้น
  • ท่านอาจออกจากระบบบัญชีของตนเองไป: เข้าสู่ระบบบัญชีของท่านอีกครั้ง โปรดทราบว่าในอุปกรณ์ Android ท่านจะต้องใช้เลขหมายประจำเครื่องและรหัส PIN 6 หลักเพื่อเชื่อมต่อกับเซนเซอร์วัดตัวเดิม หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูบทการเชื่อมต่อเซนเซอร์วัดของท่าน
  • อาจถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนเซนเซอร์วัดแล้ว แตะการเชื่อมต่อในเมนูที่แถบด้านล่าง แล้วตรวจสอบสถานะปัจจุบันของเซนเซอร์วัดของท่าน
  • อาจมีสัญญาณเตือนหรือการแจ้งเตือนที่ท่านต้องตอบรับ: ตรวจสอบพื้นที่แสดงข้อความบนหน้าจอหลัก ตัวอย่างเช่น หากแบตเตอรี่เซนเซอร์วัดของท่านหมด ท่านจะพบการแจ้งเตือนเหตุการณ์ดังกล่าวในพื้นที่แสดงข้อความ
  • หากเปิดโหมดประหยัดพลังงาน ระบบอาจปิดใช้งานการประมวลผลในพื้นหลังเพื่อประหยัดอายุแบตเตอรี่อุปกรณ์เคลื่อนที่ของท่าน โหมดประหยัดพลังงานยังส่งผลต่อการสื่อสารกับเซนเซอร์วัดของท่านด้วย หากเปิดโหมดประหยัดพลังงานไว้ ระบบมักจะแสดงสัญลักษณ์นี้ไว้ในแถบสถานะ

    ให้ปิดโหมดประหยัดพลังงานเพื่อให้แน่ใจว่าคุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr สามารถสื่อสารกับเซนเซอร์วัดของท่านได้ หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีดำเนินการ โปรดดูคู่มือการใช้งานของอุปกรณ์เคลื่อนที่ของท่าน

คุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr ได้รับค่า CGM ปัจจุบันของท่านทุกๆ 5 นาที หากคุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr ไม่แสดงค่า CGM เป็นเวลานานกว่า 20 นาทีโดยไม่มีการแจ้งเตือนหรือสัญญาณเตือนในหน้าจอหลัก โปรดตรวจสอบจอแสดงผลรายละเอียดอุปกรณ์ของท่าน หรือติดต่อแผนกการสนับสนุนลูกค้า แล้วถอดเซนเซอร์วัดออก หากได้รับคำแนะนำให้ถอด


เหตุใดคุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr จึงไม่แสดงการคาดการณ์

อาจเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้

  • ข้อมูลอาจไม่เพียงพอ: ตรวจสอบว่าเซนเซอร์วัดและคุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr ของท่านทำงานได้อย่างถูกต้อง ต้องมีการถ่ายโอนข้อมูลเป็นเวลาต่อเนื่องอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อให้คุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr สามารถคาดการณ์กลูโคสของท่านในช่วง 2 ชั่วโมงถัดไปได้
  • หากค่าของท่านสูงกว่า 400 มก./ดล. (22.2 ม.โมล/ล.) หรือต่ำกว่า 70 มก./ดล. (3.9 ม.โมล/ล.)
  • ท่านอาจไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์เคลื่อนที่ของท่านเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi® หรือเครือข่ายมือถือที่ปลอดภัย
  • เกิดข้อผิดพลาดทางเทคนิค

 

อินซูลินและคาร์โบไฮเดรตที่บันทึกส่งผลต่อการคาดการณ์อย่างไร

เมื่อบันทึกอินซูลินหรือคาร์โบไฮเดรต การคาดการณ์จะนำข้อมูลดังกล่าวมาพิจารณา การอัปเดตจะใช้เวลา 20 นาที ในช่วงเวลาดังกล่าว การคาดการณ์ที่แสดงจะถูกจำกัดอยู่ที่หน้าต่าง 20 นาที โดยจะกลับมาแสดงเต็มรูปแบบอีกครั้งหลังจากบันทึกข้อมูล 20 นาที

 

ค่า CGM ที่แสดงไม่ตรงกับที่ฉันรู้สึก ฉันควรทำอย่างไร

อย่าเพิกเฉยกับอาการระดับกลูโคสต่ำหรือสูง และอย่าเปลี่ยนการบำบัดของตนเองโดยไม่ได้รับคำปรึกษาจากบุคลากรทางการแพทย์ก่อน หากค่า CGM ของท่านไม่ตรงกับที่ท่านรู้สึก ให้ดำเนินการดังนี้
ให้ทำการทดสอบน้ำตาลในเลือดของท่านด้วยอุปกรณ์เจาะเลือดโดยใช้เครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
ดำเนินการทดสอบครั้งที่สองด้วยอุปกรณ์เจาะเลือดโดยใช้เครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อตัดผลการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดที่ไม่ถูกต้องออก
หากผลการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดจากเครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดของท่านไม่ตรงกับที่ท่านรู้สึกซ้ำหลายครั้ง ให้ปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์ของตนเอง

 

อุปกรณ์ที่ใช้งานได้กับคุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr ควรจะใช้งานได้กับเซนเซอร์วัด Accu-Chek SmartGuide หรือไม่

แอปและเซนเซอร์วัดเชื่อมต่อกันผ่านเทคโนโลยี Bluetooth® Low Energy สมาร์ทโฟนจะต้องรองรับ Bluetooth® Low Energy 5.0 ขึ้นไปจึงจะสามารถใช้งานร่วมกับเซนเซอร์วัดได้
 

คุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr สามารถใช้งานได้กับระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุดหรือไม่
ใช่ คุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr ใช้งานได้กับเวอร์ชัน iOS 17.2 ขึ้นไป และเวอร์ชัน Android 11.0 ขึ้นไป สมาร์ทโฟนเวอร์ชันระบบปฏิบัติการต่ำกว่าจะไม่สามารถใช้งานได้กับคุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr อย่าใช้แอป mySugr บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ผ่านการเจลเบรก การรูท หรืออยู่ในโหมดดีบักหรือโหมดนักพัฒนา สภาวะเหล่านี้อาจลดการรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ท่านลง ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงของการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตและภัยคุกคามด้านการรักษาความปลอดภัย
 

ฉันสามารถใช้สมาร์ทวอทช์กับคุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr ได้หรือไม่

หากท่านใช้งาน iPhone ท่านสามารถใช้คุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr ร่วมกับ Apple Watch ได้ ต้องใช้ระบบปฏิบัติการ watchOS เวอร์ชัน 9 ขึ้นไป ทั้งนี้ ไม่สามารถใช้งานสมาร์ทวอชยี่ห้ออื่นร่วมกับคุณสมบัติการวิเคราะห์กลูโคสจาก mySugr ได้

เมื่อ Apple Watch เชื่อมต่อกับ iPhone ของท่านแล้ว ท่านสามารถดูข้อมูลต่อไปนี้บน Apple Watch ของตนเองได้

  • ค่า CGM ล่าสุด
  • ลูกศรแนวโน้ม
  • กราฟแนวโน้ม

เปิดการแจ้งเตือนในแอป mySugr และเปิดการส่งต่อการแจ้งเตือนจากแอป mySugr ไปยัง Apple Watch ของท่าน เพื่อให้ได้รับข้อความแจ้งข้อผิดพลาด การบำรุงรักษา ข้อความคำเตือน และการเตือนโดยตรงบน Apple Watch


mySugr จะสามารถใช้งานได้กับเซนเซอร์วัด CGM ของผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในอนาคตหรือไม่

เราพยายามพัฒนาแอป mySugr ต่อไปอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม เราไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับไทม์ไลน์สำหรับกิจกรรมการพัฒนา

ส่งคำร้องขอ